
สัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งช่องปากที่คุณไม่ควรมองข้าม:
มะเร็งช่องปาก หรือที่รู้จักกันในชื่อมะเร็งช่องปาก สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายบริเวณของช่องปาก รวมถึงริมฝีปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เหงือก และแม้แต่เพดานปาก สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) ระบุว่า การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้อย่างมาก
แผนประกันสุขภาพฟัน
บริการตรวจสุขภาพฟัน
ความท้าทาย? อาการเริ่มแรกมักจะไม่รุนแรงและมองข้ามได้ง่าย ดังนั้น การตระหนักรู้และการตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
ในบทความนี้ เราจะเน้นถึงสัญญาณเตือนล่วงหน้าของมะเร็งช่องปาก ปัจจัยเสี่ยง และช่วงเวลาที่คุณควรไปพบแพทย์
แผลเรื้อรังที่ไม่หายขาด
แผลในปากที่คงอยู่นานกว่าสองสัปดาห์เป็นหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นที่พบบ่อยที่สุดของมะเร็งช่องปาก แผลเหล่านี้อาจปรากฏที่ริมฝีปาก เหงือก หรือเยื่อบุช่องปาก ในตอนแรกอาจไม่เจ็บปวด แต่ไม่ควรมองข้าม
สิ่งที่ควรทำ: พบทันตแพทย์หรือแพทย์หากแผลไม่หายภายในสองสัปดาห์
รอยโรคสีขาวหรือสีแดงภายในช่องปาก
การเปลี่ยนแปลงของสีเนื้อเยื่อในช่องปากอาจเป็นสัญญาณของการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ:
ลิวโคพลาเกีย: รอยโรคสีขาวที่ไม่สามารถเช็ดออกได้
เอริโทรพลาเกีย: รอยโรคสีแดงคล้ายกำมะหยี่ (มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งก่อนเกิดมะเร็งหรือมะเร็ง)
รอยโรคแบบผสม: บริเวณที่มีทั้งรอยโรคสีแดงและสีขาว
สิ่งที่ควรทำ: นัดหมายพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหากสังเกตเห็นรอยโรคที่ยังคงอยู่
เลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากเลือดออกโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีการแปรงฟัน หรือการบาดเจ็บ อาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่า
สิ่งที่ควรทำ: เลือดออกอย่างต่อเนื่องหรือไม่ทราบสาเหตุควรได้รับการตรวจโดยผู้ให้บริการด้านสุขภาพ
ก้อนเนื้อ บริเวณที่หนาขึ้น หรือรอยโรคที่ขรุขระ
ก้อนเนื้อ ตุ่ม หรือเนื้อเยื่อที่หนาขึ้นในช่องปาก ลิ้น หรือลำคอ อาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า อาการเหล่านี้อาจไม่เจ็บปวดในตอนแรก แต่สามารถโตขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป
สิ่งที่ต้องทำ: ปรึกษาทันตแพทย์หรือแพทย์หากสังเกตเห็นการเจริญเติบโตผิดปกติหรือการเปลี่ยนแปลงของเนื้อฟัน
อาการชาหรือปวดในปากหรือริมฝีปาก
อาการชา เสียวซ่า หรือปวดที่ริมฝีปาก ลิ้น หรือคางอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจบ่งชี้ถึงการรบกวนของเส้นประสาทจากรอยโรค
สิ่งที่ต้องทำ: ปรึกษาแพทย์หากคุณมีอาการชาหรือรู้สึกไม่สบายอย่างต่อเนื่อง
อาการเคี้ยวหรือกลืนลำบาก
การรับประทานอาหาร กลืน หรือขยับลิ้น/ขากรรไกรลำบาก บางครั้งอาจบ่งชี้ถึงมะเร็งช่องปากหรือลำคอ
สิ่งที่ต้องทำ: อย่าเพิกเฉยต่ออาการกลืนหรือพูดลำบาก ควรไปพบแพทย์
บริการตรวจสุขภาพฟัน
กลิ่นปากเรื้อรัง
กลิ่นปากเรื้อรัง (กลิ่นปาก) ที่ไม่ดีขึ้นแม้จะแปรงฟันหรือใช้น้ำยาบ้วนปาก อาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่า เช่น การติดเชื้อหรือการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อ
สิ่งที่ต้องทำ: รายงานอาการกลิ่นปากเรื้อรังให้ทันตแพทย์หรือแพทย์ทราบ
ปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งช่องปาก
พฤติกรรมและภาวะบางอย่างเพิ่มความเสี่ยงของคุณ:
การสูบบุหรี่ (สูบบุหรี่หรือเคี้ยวหมาก)
การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก
การติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพพิลโลมา (HPV)
แผนประกันสุขภาพฟัน
การได้รับแสงแดดมากเกินไป (มะเร็งริมฝีปาก)
อายุมากกว่า 40 ปี
การรับประทานอาหารและโภชนาการที่ไม่ดี
หากคุณอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือมากกว่านี้ การตรวจคัดกรองเป็นประจำมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ความสำคัญของการตรวจคัดกรองเป็นประจำ
ทันตแพทย์ได้รับการฝึกอบรมให้ตรวจพบสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งช่องปากระหว่างการตรวจสุขภาพช่องปากตามปกติ คลินิก Mayo แนะนำให้ตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่สามารถช่วยชีวิตได้
ควรปรึกษาแพทย์เมื่อใด
พบแพทย์หรือทันตแพทย์หากมีอาการเหล่านี้นานกว่าสองสัปดาห์:
แผนประกันสุขภาพฟัน
แผลในปากหรือเป็นปื้น
มีก้อนหรือสิ่งแปลกปลอมเจริญเติบโตผิดปกติ
มีอาการปวด ชา หรือมีเลือดออกอย่างต่อเนื่อง
เคี้ยวหรือกลืนลำบาก
มีกลิ่นปากโดยไม่ทราบสาเหตุ
สรุป
มะเร็งช่องปากสามารถรักษาได้หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก แต่อาการเริ่มแรกมักไม่เจ็บปวดและไม่แสดงอาการใดๆ การหมั่นติดตามข้อมูล สังเกตการเปลี่ยนแปลงในช่องปาก และตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เป็นกุญแจสำคัญในการตรวจพบแต่เนิ่นๆ และการรักษาที่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญ: อย่าเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงในช่องปากที่เรื้อรัง การลงมือทำตั้งแต่เนิ่นๆ อาจช่วยชีวิตคุณได้
บริการตรวจสุขภาพฟัน
แผนประกันสุขภาพฟัน